มโนว่า ไพบูลย์บินด่วนเกาหลีศัลยกรรมสีข้าง หลังยื่นหนังสือผู้ตรวจการแผ่นดิน : กรณีธรรมกาย


สวัสดีคะมิตรรักแฟน Blog วันนี้ขาเมาท์เขย่าโสต ขอนำมิติพิศวงของกลุ่มมนุษย์พิศดารที่แม้จะอวตานร่างให้ดูเป็นผู้วิเศษเพียงใดก็ไม่เคยเนียน เพราะพวกปากปราศัยน้ำ ้ใจเชือดคอพวกนี้ผลงานเขาโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ เรื่องความเพียรแถกไถขั้นอุกฤษฏ์ในการคิดแผนทำลายล้างการคณะสงฆ์อย่างต่อเนื่อง ที่อรัมบทภบทมายืดยาวก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือพริตตี้ตีปี๊บของคณะแปรรูปฯ มีหน้าที่โดยพฤตินัยก็คือสร้างความร้าวฉานรายวัน โถ! แต่ละเรื่องที่ทำลงไปนั้น ทั้งปลี จันทร์ อัลไร ?

นายไพบูลย์ นิติตะวัน กับ นพ.มโน เลาหวณิช นั่นละคะ ณ พ.ศ. นี้ ที่ยืนเขาเยอะ ทั้งตามสถานที่ราชการ และองค์กรอิสระต่างๆ ล่าสุดก็หน้าทำเนียบฯ ยืนแถลงการณ์ว่ามาไปยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่าการที่ มหาเถรสมาคมแต่งตั้งพระสังฆราชแบบผิดขั้นตอน อ้าวเฮรียคะ ! อัตคัดมุก ขนาดนั้นเลยเหรอคะถึงได้แสดงพฤติกรรมบ้องตื้นต่อหน้าสื่อ และเพื่อนร่วมชาติแบบด้านๆ
ก็ขั้นตอนการเสนอชื่อแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชที่ มส. ท่านดำเนินการไปแล้วนั้น ก็เป็นแบบแผนเดียวกับที่ถือปฏิบัติสืบเนื่องมายาวนาน ตั้งแต่ต่คนพิศดารกลุ่มนี้ยังไม่ปฏิสนธิในครรภ์มารดาเลยนะคุณคะ! ขั้นตอนคือ

1.มหาเถรสมาคมคัดเลือก
2.สำนักงานพระพุทธศาสนารับ
3.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรับ
4.นายกฯ ทูลเกล้า

ขอย้ำ ! ขั้นตอนนี้น่ะ เป็นจารีตประเพณีที่บรรพบุรุษโคตรเหง้าของเรา & เฮรียไพฯ ปฏิบัติสืบกันมาถึงแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชมาแล้วถึง 19 พระองค์ แล้วนะคะเฮรีย ! มาถึงวันนี้เฮีย และพวกดาหน้าออกมายื่นนั่นร้องนี่ อย่าลืมนะว่าวาจาอาจมที่สรรหามาด่าพระด่าวัดนั้น ก็เท่ากับด่าบรรพบุรุษตัวเองไปพร้อมกันทุกคำนั่นแหละคร้า...
               

เรามาดูกันว่าสิ่งที่เฮรียไพไม่ยอมรับแล้วประกอบความเพียรแถกไถจนสีข้างทรุด ทั้งยังไปร้องแรกแหกกระเชอให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีคำวินิจฉัยเปลี่ยนขั้นตอนการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชให้ได้อย่างใจตนนั้นมีอะไรกันบ้าง (อ้อ งานนี้เนชั่นชูประเด็นชี้นำกระแส ก่อนใครๆ ตามความคาดหมายในค่ำวันที่ 3 มีนาคม 2559)
โดยสรุปตามข่าวทราบว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน มีวินิจฉัยแล้วและอาจมีการแถลง
ในวันที่ 4 มีนาคม 2559 ดังต่อไปนี้
1.ผู้ตรวจการฯ มีคำแถลงว่ามหาเถรสมาคมทำผิดขั้นตอน
2.ให้เริ่มจากนายกรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอชื่อ
3.ให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รับและส่งต่อ
4.ให้ สนง.พระพุทธฯ รับและส่งต่อ
5.มหาเถรสมาคม ลงมติเห็นชอบรายชื่อของพระสังฆราช ที่นายกเป็นผู้เสนอ
 แม้จะมีกลุ่มมนุษย์พิศดารอวตานร่างเป็นเทพ ก็ไม่มีทางรอดพ้นสายตาอ่านขาดของ ”พระนักกปราชญ์แห่งพุทธศาสน์ ในยุคไซเบอร์” เช่นท่านเจ้าคุณเบอร์ลิน (พระโสภณพุทธิวิเทศ) และท่านเจ้าคุณประสาร (พระเมธีธรรมาจารย์ ) ไปได้ ซึ่งท่านเจ้าคุณประสารก็ได้โพสต์เฟสบุคตั้งข้อสังเกตว่า

ก่อนที่จะมีการแถลงวันนี้ มีข่าวทางสื่อมวลชนเป็นจำนวนมากว่า ผลอาจจะออกมาในทำนองเดียวกับที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องไปจึงมีคำถามเกิดขึ้นตามมามากมายว่า
1.คณะผู้ตรวจการแผ่นดิน ใช้อำนาจอะไรมาวินิจฉัยจากบทบัญญัติไหน หมิ่นเหม่ต่อการถูกฟ้องร้องกลับหรือไม่
2.ขั้นตอนการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชในอดีตที่ผ่านมา ก็ดำเนินการตามกฎหมายลักษณะเช่นเดียวกันโดยไม่เคยมีปัญหา
3.หากคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินออกมาตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว ทั้งกฎหมายและจารีตประเพณีที่ปฏิบัติต่อเนื่องกันมายาวนาน เพราะเหตุใดขั้นตอนต่างๆ จึงจะมามีปัญหาในวันนี้
จากนี้ไป ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาจะรอฟังคำแถลงอย่างเป็นทางการ และกำหนดทิศทางเคลื่อนไหวต่อไป
พระเมธีธรรมาจารย์ (เจ้าคุณประสาร จนฺทสาโร)
#เจ้าคุณประสาร
4 มีนาคม 2559


ดร. วิษณุ ยันเปรี้ยง ผู้ตรวจการ "เสนอมา แต่อย่าชี้แนะ" : ย้อนถามทำไม มส. ต้องประชุมใหม่ - ใครบอกว่า "ผิด"
...................
กรณีสื่อต่าง ๆ ได้รายงานว่า ในวันนี้ ...04.03.2016
- ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เปิดคำวินิจฉัย เกี่ยวกับ มติ มส. ในการเสนอนาม สมเด็จช่วง ขึ้นทูลเกล้า ฯ เป็นพระสังฆราชรูปที่ ๒๐ ในลักษณะว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังที่ปรากฏแล้วนั้น.
.............
- ในเบื้องต้น ผมขอยกคำที่เรียกได้ว่า "ยันเปรี้ยงเข้าใส่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินไปเลย"
และถือว่า จบ และปิดประเด็นนี้ทันที ทำเอาคนวางแผนชักใยเบื้องหลัง "ไปไม่เป็น" ไปเลยงานนี้
- สำทับด้วยประโยคว่า...............
" ถ้าหากผู้ตรวจการแผ่นดินทักท้วง เราก็อาจจะฟัง แต่จะทำอย่างไรต่อ ก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้เป็นเพียงข้อสังเกตของท่าน แล้วอย่ามาถามรัฐบาลว่า "ไม่รู้หรือว่าผิด"  เพราะจนวันนี้ ก็ยังไม่รู้เลยว่า ที่ผ่านมานั้นผิด
- เป็นไงครับ จบมัยงานนี้ ทั้งหมดนี้คือ คำกล่าวอย่างหนักแน่นของ......
ดร. วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
ที่ให้สัมภาษณ์สื่อที่ปรากฏในมติชนออนไลน์ วันนี้ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๙.
- เป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นมือกฎหมายทั้งหมดให้นายบิ๊กตู่นะแหละครับ.
- ได้พูดเอาไว้ ทำเอาชะงักงัน ซึมกันทั้งบางไปเลยทีเดียว.
- เพราะถ้าหากเป็นคนอื่นพูด บรรดาเจ้าปัญหาคงไม่ยอมรับง่าย ๆ หรอกครับ.
- ผมว่า แค่คำพูดของท่าน ดร. วิษณุที่ยกมานี้ ก็น่าจะปิดฝาโลงกันได้แล้วครับ.
- ประกอบกับได้เห็น "หมายกำหนดการ พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จ ฯ พระญาณสังวร"
 ที่ผมแนบมานี้แล้ว.
- คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกมาในครั้ง ก็น่าจะยุติ.
..........................................
แต่ผมอยากจะชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดเพิ่ม .....ถือว่าเสริมปัญญากันนะครับ...
- เพราะจะได้เสริมสติปัญญา ไล่เท่าทันเกมป่วนพวกจ้องป่วนทั้งหลาย
- พร้อมจะได้ให้สังคมได้เห็นจะจะกันไปเลย ของคณะละครลวงโลกคณะนี้.
.......................
ตามมาครับ....
- สาเหตุที่ผมออกมาโพสต์ช้านิดหน่อยนั้น เพราะผมต้องการ จะรอดูว่า ....
- ท่าน ศ. ศรีราชา วงศารยางกูร ในฐานะประธาน หรือ ท่าน พล.อ. วิทวัส รชตะนันต์ หรือ
ท่าน บูรณ์ ฐาปนดุลย์ ร่วมคณะเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน.
- ว่าจะมีท่านใดท่านหนึ่ง จะออกมาแถลงด้วยตัวเองหรือไม่
- เพราะทั้ง ๓ ท่านนี้ เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้ง จากพระมหากษัตริย์.
- ที่มีคุณสมบัติระบุไว้อย่างชัดเจนของ ผู้ที่วุฒิสภาจะเสนอขึ้นไปว่า..
"จะต้องเป็นบุคคลที่เป็นที่ยอมรับนับถือของประชาชน / มีความรู้ / ที่สำคัญ เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ด้วย"
- สุดท้ายก็เป็นเพียง เลขาธิการ คือ คุณรักษเกชา แฉ่ฉาย.
- ซึ่ง ศ. ศรีราชา ประธาน ฯ เคยให้สัมภาษณ์ว่า หากเป็นเรื่องปกติ ก็จะให้ออกพูดมาแทน.
..............................
- ผมรู้สึกสังหรณ์ในใจว่า ......
- งานนี้ อาจมีลักษณะลูกน้อง จะหลอกวางยาเจ้านายก็ได้นะครับ ดูเหตุผลผมตรงนี้ก่อน.....
- เพราะงานนี้ หากเป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินงานจริง ๆ ต้องถือว่า พลาดอย่างจัง พลาดหลายจุดด้วย พลาดอย่างไร ติดตามไปเรื่อย ๆ นะครับ.
- ระดับผู้ตรวจการแผ่นดินทั้ง ๓ ท่าน ข้างต้นนั้น ไม่น่ามีคำวินิจฉัยลักษณะ จะก่อปัญหาตามมากับองค์กรเช่นนี้ได้....
เพราะเหตุผล ดังนี้............

ประการที่ ๑.
- องค์กรของตน จะต้องทราบตั้งแต่แรกว่า มีอำนาจรับเรื่องมาวินิจฉัยหรือไม่.
- เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินย่อมไม่มีอำนาจหน้าที่ ที่จะมีความเห็นในเรื่องนี้ได้.
- เพราะเป็น มติ มส. ที่ไม่ใช่เป็นการออกคำสั่งเพื่อบริหารราชการแต่อย่างใด.
...............

ประการที่ ๒.
- เพราะตามที่ระบุไว้ในอำนาจหน้าที่ ของ ผู้ตรวจการ ฯ นั่นคือ...
"การที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะตรวจสอบเรื่องใด ที่หน่วยราชการหรือผู้มีคำสั่งใด ที่มีผู้อ้างว่า...
- คำสั่งใด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องมีผู้ร้องเรียน และผู้ร้องเรียนนั้นต้อง "เป็นผู้เสียหาย เพราะคำสั่งนั้น ๆ" นี่คือเหตุผลแรก.
- อีกอย่าง เพราะว่า กระบวนการนี้ เป็นกระบวนการขั้นตอน เพื่อเสนอแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง.
- ดังนั้น การประชุมของมหาเถรสมาคม เพื่อลงมติ ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่ "คำสั่ง" หรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายแต่อย่างใด.
- ดังนั้น ข้อนี้ จึงไม่อยู่ในข้อ "รับวินิจฉัยของ ผู้ตรวจการแผ่นดิน".
- หรือหากมีคำถามกลับไปว่า กรณีที่องค์กรที่มีกฎหมายเฉพาะอื่น ๆ เช่น การแต่งตั้งภายใน ของ กระทรวงกลาโหม.
- หรือแม้แต่ในองค์กรศาสนาอื่น ๆ เช่น ยกประเด็นชัด ๆ เช่นว่า.....
- หากการแต่งตั้งท่าน จุฬาราชมนตรี ของพี่น้องอิสลาม เหล่านี้นั้น จะต้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอความเห็นหรือชี้แนะ ด้วยหรือไม่
- เรื่องละเอียดอ่อนนี้ ย่อมต้องระมัดระวังยิ่งในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยองค์กรรัฐ.
- อีกทั้ง อำนาจวินิจฉัยครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีผลทางกฎหมายใด ๆ เป็นเพียงแค่ "ชี้นำ หรือเสนอไปที่นายกรัฐมนตรีเท่านั้น".
- ซึ่งวันนี้ ท่าน ดร. วิษณุ ก็ยันมาตรง ๆ ว่า "เสนอมานะ อย่าชี้แนะ".
...........
- ทั้งหมดนี้ ผมจึงเชื่อว่า "ระดับ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ย่อมทราบดีอย่างแน่นอน" แต่ทำไม ! จึงมีคำวินิจฉัยที่เกี่ยวกับศาสนาโดยตรง เช่นนี้ ออกมาได้.
- ทั้งยังเป็นประเด็นสำคัญ ที่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะต้องชี้แจ้งสังคมให้แจงชัดด้วย.
....................

ประการที่ ๓.
- ประเด็นนี้เล็กน้อยก็จริง แต่ที่ผมเห็นผิดสังเกต จึงแทรกมาก่อน.
- นั่นก็คือ เริ่มตั้งแต่มีสื่อทางผู้ยื่น ได้หยิบข่าวไปรายงานอย่างละเอียดล่วงหน้า ไปก่อนแล้ว ก่อนที่เลขาธิการ ฯ จะแถลงเสียอีก ตัวผมเองก็ได้อ่านล่วงหน้า ๑ วัน เป็นเพราะเหตุใด.
- สุดท้าย คุณไพบูลย์ ซึ่งอ้างว่า เป็นผู้ยื่นเรื่อง ซึ่งถือว่า เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง.
- เมื่อยื่นไปแล้วแทนที่จะอยู่นิ่ง ๆ ปล่อยให้หน่วยราชการเขาดำเนินไปตามปกติ แสดงความบริสุทธิ์ใจตนเอง.
- แต่แกก็กลับ ไปยืนแถลงข่าว เรื่องนี้ พร้อม เรียกร้องต่อไปอีก เป็นการเรียกร้องต่อเนื่องไปอีกขั้น ต่อจากการวินิจฉัยนี้.
- พฤติกรรมอย่างนี้ มันย่อมส่อเจตนาที่ไม่สุจริตใจอย่างชัดเจน ที่ผู้คนในสังคมพากันสงสัย.
- อีกอย่าง ก็ยังไม่รู้ว่า คำวินิจฉัยที่เผยแพร่ทางสื่อนี่ จะเป็นฉบับจริงหรือเปล่า เพราะยังไม่ลายเซ็นใด ๆ รับรอง.
...............

ประการที่ ๔.
- ตรงนี้ ผมถือว่า น่าจะติดคอตายกันทั้งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้เกี่ยวข้องกันเลยครับ.
- เพราะหลังจากที่ผมอ่านโดยละเอียดทุกตัวอักษรจนจบนั้น.
- แค่ขึ้นท้ายบรรทัดแรกก็เห็นชัดเลย ตรงที่ว่า....
- ผู้ตรวจ.....ได้พิจารณาข้อเท็จจริง.....
"ประกอบ เอกสารหลักฐาน จากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ฯ"
- ตรงนี้ผมอยากจะบอกดัง ๆ ว่า ..
- อันเอกสารสารพัด ที่ทางผู้ตรวจ ฯ ว่านำไปพิจารณานั้น น่าจะขาดอยู่ ๑ แผ่นครับ เป็น ๑ แผ่นที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยครับ.
- นั่นก็คือแผ่นที่ผมแนบมาด้วยนี้
- ผมว่า เพียงแค่ถ้าหากมาอ่านแผ่นนี้ของผมแผ่นเดียว พวกท่านก็น่าจะไม่ต้องเสียเวลามากมาย ในการพิจารณาเรื่องนี้เลยครับ.
- ไปเปิดตากว้าง ๆ แล้วดูเอาเองนะครับ พวกหัวหมอทั้งหลาย (ที่แนบมาด้วยแล้วนี้)


 
ประการที่ ๕.

- เอกสารที่ว่า เป็นเอกสารที่สำคัญที่สุดในแผ่นดิน ในการยุติเรื่องราวทั้งหมด ที่ถกเถียงกันจนบ้านจะพังว่า .....
"ระหว่าง มส. หรือ นายกรัฐมนตรีนั้น ใครกันแน่ ที่จะเป็นฝ่าย เริ่มแรกในการหยิบรายนามพระที่อาวุโสโดยสมณศักดิ์ ตามมาตร ๗ แห่ง พรบ. สงฆ์ เพื่อเสนอทูลเกล้า ฯ"

- ดูเลยครับ ในแผ่นที่ ๑ ที่ผมแนบมา เป็น...
หนังสือที่ ๖/๒๕๓๒
"หมายกำหนดการ พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ณ พระพระอุโบสถ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม" (พิธีสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร)
- ให้พิจารณาแถวที่ ๕ ว่า
".....จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ตามมติเอกฉันท์ของมหาเถรสมาคม...."
- ตรงนี้ท่านผู้คัดค้าน มติ มส. ครั้งนี้ จะอธิบายว่าไงครับ.
..................................

ประการที่ ๖.
- เป็นที่สังเกต ว่า คำวินิจฉัยของ ผู้ตรวจการแผ่นดินในครั้งนี้ ได้ไปยก พรบ. สงฆ์มาอ้าง วก- วน ระหว่าง พ.ศ.๒๕๐๕ และมา พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไข ๒๕๓๕
- บางครั้ง ไปอ้าง ร่าง ที่ไม่ได้ประกาศใช้ (ไม่ระบุ พ.ศ. - ไปเน้นตรงที่มาตรา ๗ ที่ระบุให้นายกเป็นคนเริ่ม แต่ก็ได้แก้ไขก่อนที่ประกาศใช้ไปเรียบร้อยแล้ว)
- จึงดูแล้วทำให้สับสน ถามว่า ก็ทำไมละ ทำไมไม่อ้างเฉพาะที่ลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้อย่างเดียวละครับ.
- ที่ไม่ประกาศใช้ ผมจึงไม่พูดถึง เพราะไม่มีผลอะไร.
- วันนี้ผมแนบมาด้วยกันเลยครับ เอาทั้ง ปี พ.ศ.๒๕๐๕ และ พ.ศ.๒๕๐๕ (๒๕๓๕) มากางเทียบกันไปเลยครับ.
- ก็ปรากฏว่า หมวด ๑ ตรงมาตรา ๗ นั้น ทั้ง พ.ศ.๒๕๐๕ อย่างเดียว และ พ.ศ.๒๕๐๕ (๒๕๓๕)
- ทั้ง ๒ พ.ศ.ปรากฏถ้อยคำระบุชัดแจ้ง (ขีดเส้นใต้) ว่า...
"ให้นายกรัฐมนตรี โดยการเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ ขึ้นทูลเกล้า ฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช...."
- แนบมาด้วยแล้วครับ.

.........
ประการที่ ๗.
- จุดสลบมาอยู่ที่ข้อว่า
- ก็ในเมื่อปรากฏข้อความที่เหมือนกันทุกประการ คำใช้ไม่มีตกหล่นใด ๆ ทั้งสิ้น ที่ปรากฏใน พรบ. สงฆ์ทั้ง ๒ พ.ศ. นั้น.
- พ.ศ.๒๕๐๕ ได้ใช้ในการสถาปนา สมเด็จพระญาณสังวร (พ.ศ.๒๕๓๒) ไปแล้ว.
- ก็แล้วทำไม พ.ศ.๒๕๐๕ (๒๕๓๕) จะใช้ในการสถาปนาสมเด็จช่วงฯ กลับใช้ไม่ได้ กลับนำมาอ้างกันส่งเดช ละครับ.
- ไอ้ที่อ้างว่า "พรบ. นี้ ยังไม่เคยใช้มาก่อนนั้น เขาเรียกโคตรแถ ใครจะไปเถียงเพราะ พรบ. นี้แก้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕.
- แต่ไอ้ที่ข้อความเหมือนกันทุกประการ ทั้งที่ยังไม่มีการแก้ใด ๆ ทั้งสิ้นนี้ยังจะอธิบายว่าไงครับว่า ...
- ใช้กับรูปนี้ได้ แต่ใช้กับรูปนี้ไม่ได้ จะเอากันอย่างนี้หรือครับ.
- หรือสุท้าย จะให้สังคมโยงไปถามผู้คัดค้านด้วยว่า
"การสถาปนาสมเด็จญาณที่ผ่านนั้นก็ผิด ไม่ชอบด้วยกฎหมายไปด้วยใช่ไหม"
- ความเสียหายมากมายมหาศาล เช่นนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือผู้เคลื่อนไหวป่วน พวกท่านจะสามารถรับไหวหรือครับ.
...........

สรุป
- ผมว่า หากคำพูด ของ ดร. วิษณุ นี้ ถ้าออกไปถึงสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน อาจนอนกันไม่หลับก็ได้นะครับ
- โดยเฉพาะ คุณ รักษเกชา แฉ่ฉาย เลาขาธิการ สนง. น่าจะหนาว ๆ ร้อน ๆ ซึ่งก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองนะแหละ.
- ส่วนบทความของผมนี้ ผมก็ไม่คิดว่า จะไปถึงนักประหลาดทั้งหลายหรอก.
- ผมอยู่กับคนมีศีลมีธรรมแบบนี้ ผมก็พอใจแล้ว
- พวกแถก็ปล่อยให้มันดักดานจนตายงั้นหละ เพราะถ้าใจมันดี คงไม่มีความคิด ที่พิศดารแบบนี้ออกมากันหรอก.
........
- สุดท้าย ก่อนจบ ผมขอยกคำพูด ดร. วิษณุ เครืองาม มาให้สติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะที่ทำสงฆ์ป่วนรายวันในยุคนี้
- ให้นำเอาไปคิดกันเอาเองนะครับว่า........
๑. ทำไม มส. จะต้องประชุมใหม่ (เรื่องตั้งสังฆราช).
๒. ใครเป็นคนบอกว่า (เรื่อง มติ มส.) ผิด.
๓. ซึ่งปัญหา (กฎหมาย) ต่าง ๆ ถ้ารัฐบาลสงสัย ก็จะสอบถามไปยัง คณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะมีขั้นตอนอยู่แล้ว.
- ชัดเจนนะครับ โดยเฉพาะข้อที่ ๓ นี้ พุ่งใส่เข้าหน้าเต็ม ๆ เลยครับ เป็นใครคงไม่ต้องบอก และซึ่งผมคงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก แบบภาษาลูกทุ่งนะครับ.
โชคดีมีชัยทุกท่านครับ
เจ้าคุณเบอร์ลิน
04.03.2016
แนบเอกสาร และข่าวมติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news/58758

แจ่มแจ้งเห็นจริงกันไหมคะสำหรับ ข้อแท้จริงฉบับสมบูรณ์ที่ขาเมาท์เขย่าโสตรวบรวมมาบันทึกไว้ใน Blog นี้ หากค่อยๆ อ่านแล้วพิจารณาตามไป รับรองว่ากลุ่มแถกไถคงจะต้องบินไปเกาหลีเพื่อศัลยกรรมสีข้างกันยกแถบเลยเชียว

ขาเมาท์เขย่าโสต มีเจตนาที่จะจารึกไว้ให้ลูกหลานเหลนโหลนได้อ่าน และศึกษายุทธศาสตร์การทำลายล้างพระพุทธศาสนาด้วยน้ำมือมนุษย์หัวใจทุพพลภาพ ว่าคนพรรค์นี้มีตัวตนจริง

อีกทั้งประวัติศาสตร์หน้านี้ลูกหลานของเรา จะได้เห็นถึงความรักและหวงแหนของพุทธบริษัท 4 พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ที่ยอมตายไม่ยอมแพ้ ทั้งแก้ไข สร้างความเข้าใจถูกที่ต้อง

ทุกคนล้วนสวมหัวใจพระโพธิสัตว์ ยอยกรักษาพระพุทธศาสนาให้ยังคงงอกงามยั่งยืนอยู่บนผืนแผ่นดิน อันเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลก แห่งนี้

ตอนต่อไปอย่าได้พลาดนะคะ!  เพราะขาเมาท์ไปเจอบทความเขย่าต่อมเงิบ ว่าที่เราเห็นๆ ยังเป็นแค่พริตตี้ตีปี๊บ แล้วแผนพิฆาตฉบับจบบริบูรณ์เขาวางแผนกันไว้อย่างไรเปิดโปงแน่ Coming soon น่ะคะ!
-------------------------------------------------



มโนว่า ไพบูลย์บินด่วนเกาหลีศัลยกรรมสีข้าง หลังยื่นหนังสือผู้ตรวจการแผ่นดิน : กรณีธรรมกาย มโนว่า ไพบูลย์บินด่วนเกาหลีศัลยกรรมสีข้าง หลังยื่นหนังสือผู้ตรวจการแผ่นดิน : กรณีธรรมกาย Reviewed by สารธรรม on 02:44 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.