สงฆ์มหานิกาย ต้องทนขมขื่นกับความอยุติธรรม แสนอำมหิตอีกนานแค่ไหน? โดย เจ้าคุณเบอร์ลิน


ถามสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย

ว่า..พวกท่าน !


จะต้องทนขมขื่นกับความ

อยุติธรรมของรัฐ ครั้งแล้ว

ครั้งเล่า..ไปนานแค่ไหน ?


ศรัทธา และการลุกขึ้นสู้เท่านั้น 

ที่จะทำให้พุทธบุตรหยัดยืนได้

อย่างสง่างาม.!!

โพสต์นี้ผมขออนุญาตแบ่งเป็น 2 ภาค
นะครับ เกรงท่านทั้งหลายจะเมื่อย
สายตา .. เนื้อหามันยาวครับ


             ภาคที่ 1            

ยุติความอดทนกันสักที 

สงฆ์ฝ่ายมหานิกายจงตื่น

จากฝันกันเถิด!


เจตนาการเขียนโพสต์ในครั้งนี้
ผมต้องการปลุกใจ กระตุ้นสติให้
คณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกายได้ตื่น
จาก ภวังค์กันเสียทีครับ

ให้ตื่นเพื่อมา
อยู่กับความเป็นจริง ที่ว่า..

" พวกเขาไม่เอาเรามานานแล้ว 
พวกเราเป็นคนที่มีความรู้สึก
กันนะครับไม่ใช่สัตว์โง่ ๆ ที่ต้อง
มาก้มหัวให้เขาข่มเหงได้ตลอดชาติ
ผมจะย้ำให้ 

อันคนกลุ่มนี้นั้นพวกเขาไม่ได้

มองพวกเราสงฆ์ ฝ่ายมหานิกาย
ว่าเป็นพระสงฆ์สาวกที่มีศีลใดๆ เลย 
ก็ดูตัวอย่าง หลวงพ่อสมเด็จช่วง
เอาเองก็แล้วกัน 

มันชัดเจนอยู่แล้วพวกเขามองแต่

พระฝ่ายธรรมยุตเท่านั้นที่เป็น

" พระสงฆ์ "


พระสงฆ์ฝ่ายมหานิกายทุกท่าน 

พวกท่านจงรู้ตัวกันเสียทีนะครับ
คงมีแต่คนไร้ความรู้สึกเท่านั้น 
จึงอดทนแบบไร้อนาคตชนิดยาวนาน 
แบบชั่วนาตาปีเช่นนี้ จงจำคำผม
ไว้นะครับ ก่อนที่มันจะไม่ได้จำกัน "


เกริ่นเรื่อง

มาต่อกันเลยนะครับ 
เพราะพิจารณาดูจากความ
อยุติธรรมจากรัฐในปัจจุบัน 
ที่อาจเรียกว่า 

" ยุคเสื่อมของบ้านเมืองก็จะเกิด
เสนาบดีผู้กังฉิน จิตคดอาศัย
ช่วงบ้านเมืองไม่ปกติบังอาจ
ใช้อำนาจทุจริต รังแกสมณะ
ชีพราหมณ์ และข่มเหงประชาชน "

ซึ่งดูทำท่าแล้ว ณ วันนี้
สถานการณ์มันสุดกลั้นแล้ว
คล้ายเขื่อนใหญ่ที่ใกล้จะแตก
เข้าแล้ว กับความมั่นคงของพระ
ศาสนาในไทยเรา

เจ้าคุณเบอร์ลิน ออกโรงขอ
เรียกร้องพระสงฆ์ ฝ่ายมหานิกาย
จงออกมาปกป้องศักดิ์ศรีแบบ
พุทธสาวกในอดีตอย่าลืมนะครับว่า..

การสู้ด้วยใจที่ศรัทธา ด้วยจิตสำนึก
ต่อเจ้าประคุณหลวงพ่อสมเด็จช่วง
ประมุขสงฆ์แห่งมหานิกายนั้น
หากพระเถระบางรูป บางกลุ่มไม่เป็น
เอกภาพ และไม่เข้าใจในยุทธศาสตร์
แล้วไซร้นับวัน คณะสงฆ์ก็จะถูกย่ำยี
อยู่ร่ำไป ไม่จบไม่สิ้น

ศาสนาพุทธเรา ก็ถูกทำลายลงจน
หมดสิ้นจากแผ่นดินไทยแต่หาก
ตราบเท่าที่พวกเรายังคงศรัทธามั่น
ต่อองค์ประมุขสงฆ์แห่งมหานิกายแล้ว

ผมเจ้าคุณเบอร์ลินก็ขอ
กราบอาราธนา..
ขอมวลสงฆ์ แห่งพระมหานิกาย
ขอพวกเราจงอย่าสยบยอม
ต่อความอยุติธรรมใดๆ ทั้งสิ้น

จงอย่านิ่งเฉย อย่ามามัวนั่งหลับตา
ปล่อยให้ศัตรูของพระศาสนาเดิน
ถือดาบมาบั่นคอ เช่น นาลันทาในอดีต
กันอยู่เลยขอให้สงฆ์มหานิกายทุกรูป
จงเดินออกมา แล้วจงยืนแถวหน้า
กันได้แล้วนะครับ ก่อนที่จะไร้ที่ยืน
เข้าสักวันจนได้ !



หากยังเรียกร้องแบบ 

"หาเรื่อง" 

ก็คงต้องส่งคืนด้วย 

"เรื่อง" กลับไป !


การเรียกร้องความรับผิดชอบ
ของหน้าที่พระอุปัชฌาย์ต่อ
การทำผิด ของศิษย์ที่บวชให้

กรณีหลวงพ่อสมเด็จช่วง 
วัดปากน้ำ กับท่านธัมมชโยนั้น ?

เปรียบได้ก็คือ..

"เหมือนมีคนไปถาม..
ความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรี 
ที่จะต้องลาออก หรือมารับผิดชอบ 
เมื่อ ปชช. คนใดคนหนึ่งในจำนวน 
70 ล้านคนในประเทศ ได้ทำผิด
กฎหมาย หรือทำชั่ว "

เปรียบแบบนี้ 

ชัดเจนไหมครับ ?

สมควรหยุดถามได้หรือยังเรื่องแบบนี้
ดังนั้น หากคนไหนยังคงออกมา
แหกปากถาม หรือเรียกร้องแบบนี้อยู่อีก
ก็ต้องตรงๆ ว่า ต้องถวาย "ส้น" กลับไป
จึงจะเหมาะสมครับ !

เพราะหากถามแบบนี้ มันเป็นการถาม
แบบหาเรื่อง ไม่ได้ถามแบบหาสาระ
หากยังไม่เชื่อ หรือไม่เข้าใจก็ให้ใคร
หรือคนถามแบบนี้..

" ให้ไปถามแบบนี้ กับนายกบิ๊กตู่
ดูก็ได้ครับที่นั่นแหละ ท่านจะได้
คำตอบเองครับ "

วันนี้เจ้าคุณเบอร์ลิน ขอถาม
จากหัวใจลูกผู้ชายใจพระ
สักหน่อยเถอะว่า..



จริงไหมครับ ?

ที่มีเจ้าหน้าที่ชั่วของรัฐบาลนี้ 


ได้แอบไปต่อรองให้หลวงพ่อ
สมเด็จช่วง วัดปากน้ำ..


จัดการจับสึกธัมมชโยก่อน !

หากไม่ดำเนินการให้ก็จะใส่คดีความ
เรื่องรถ กับหลวงพ่อสมเด็จฯ
ขอให้รัฐบาล จะเป็นหน่วยงานไหนก็ได้
ช่วยตอบมาที แล้วผมจะเอาหลักฐาน
ไปกางให้ดูว่า..

เรื่องชั่วๆ ของคนในรัฐบาลท่าน 
มันชั่วได้สุดๆ จริงๆ 

แต่ต้องมีข้อแม้ว่า..

ต้องจัดการเจ้าหน้าที่ชั่วนั้นด้วย 
ไม่ใช่มาเอาผิดกับผม !

พูดไปก็รันทดไปครับ เพราะพฤติกรรม
เยี่ยงนี้มันบ่งบอกให้ได้รู้เช่นเห็นชาติว่า

" ทุกวันนี้ ระหว่างอำนาจรัฐ 
กับอำนาจเถื่อน.. 
มันแบ่งแค่เส้นยาแดงเท่านั้น 
แทบจะเป็นอำนาจเดียวกันไปแล้ว "

ทุกวันนี้..

ชาวบ้านก็สิ้นหวังไปแทบทุกอย่าง
อยู่แล้ว โดนเฉพาะเรื่องทำมาหากิน
เป็นอยู่อย่างแสนสาหัสกันอยู่แล้ว
ไอ้ครั้น จะหันหามาจะมาขอพึ่งทาง
ศาสนาบ้าง รัฐบาลก็ตามมาก้าวก่าย
มาเบียดเบียนเสียซ้ำไปอีกถึงยุค
เสื่อมสุดจริงๆ

มันจะอะไรนักหนากับรถเก่าๆ 
โบราณเพียงคันเดียว ทำคดี
ไปก็ประจานตัวเองไปไม่เชื่อก็เชิญ.!

ถึงตรงนี้ ตามหลักความผิดทางอาญา
ที่ถูกตั้งขึ้นนั้นเรื่องแบบนี้ เป็นเรื่องที่
ชาวบ้านชาวเมืองปกติใครเขาก็ทำกัน
อยู่แล้ว คือ..

 " การลงชื่อเพื่อมอบอำนาจเพื่อไป
โอนทะเบียนรถมนุษย์มะนาเขาก็
ทำกันเป็นปกติ ใครเขาก็มอบอำนาจ
กันทั้งนั้นทั้งคนซื้อคนขาย 

บางครั้งการซื้อขายรถทำการโอนลอยไป

ก็มีก็ทำกันตลอด แม้แต่ซื้อรถใหม่ 
เราก็ลงชื่อมอบอำนาจไปให้บริษัทผู้ขาย
เพื่อไปโอนให้บริษัทผู้ขายจะไปทำ

แต่ราคาซื้อขายกันเท่าใด 
เราคนซื้อก็ไม่เคยทราบว่าทางกรม
การขนส่งเค้าคิดราคาเพื่อเสียภาษี
กันอย่างไร ?

แต่ยืนยันได้ว่า.. 
ราคาไม่ตรงกับที่ซื้อขายกันจริงแน่นอน
เพราะทราบว่า ทางกรมการขนส่ง
เค้ามีราคากลางรถแต่ละปี แต่ละยี่ห้ออยู่
ซึ่งไม่ใช่เท่ากับราคาที่ซื้อขายกันแน่  "



แค่เรื่องกล้วยๆ กรวยๆ 

แบบนี้.. ถาม DSI หน่อยว่า ?


" พวกคุณไม่รู้หรือครับ 
กับเรื่องแสนธรรมดาแบบนี้ 
รือพวกคุณคิดว่า ชาวบ้าน
เขาจะไม่รู้ทันเล่ห์ของพวกคุณ "

ขนาดผมเจ้าคุณเบอร์ลินที่ออกไป
อยู่นอกประเทศกว่า 30 ปี ก็ยังรู้เลย!

นี้แหละเหตุผลหนึ่ง ที่ผมต้องออก
มาลุยกับแก๊งค์มั่วถั่วในทุกวันนี้ไงครับ
ก็แค่พระชราอายุเกือบจะ100 ปี
ปฎิบัติกิจแต่ในวัด มันก็ยังมารังแกท่าน
ด้วยความอยุติธรรมเลย ชาวบ้านธรรมดา

จะเหลืออะไรละครับ ?
มันจะบ้ากันไปถึงไหน ?

" พวกมึงกะจะเอาให้ท่านตาย
ในสภาพนี้ ไปเลยหรือไง 
พวกมึงพากันบ้าไปใหญ่แล้ว "

เผือก คือ เสือกตรงๆ บ้านๆ ไปเลย
กรณีหลวงพ่อสมเด็จช่วง 
ก็ต้องตรงๆ ครับว่า..

อย่าเสือกไปกล่าวหาท่านว่า
ท่านทราบว่ารถนี้นำเข้าไม่เสียภาษี
ซื้อมาราคาเท่าใดกันนะครับ

พราะท่านอยู่แต่ในวัด
ท่านจะไปทราบได้อย่างไร ? 

จะไปคาดการว่าท่านรู้เห็นใน

การไปแจ้งราคาไปจดทะเบียน
โอนเป็นเท็จได้อย่างไร ?

ก็ในเมื่อมันเป็นเรื่องกรมขนส่ง
เค้านี่ครับมีไอ้บ้าไหนก็ไม่รู้ มันดัน
บอกว่า ..

หลวงพ่อต้องรู้ !

มึงนะบ้าขนานหนักแล้ว..รู้ตัวไหม ?

ตัวอย่างเรื่องนี้ คือก็ขนาดมัน
เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเองแท้ๆ
คุณพวกมึงทั้งหลายก็ยังต้อง
ไปให้กรมขนส่งเขาประเมิน
ราคาให้ทุกครั้งเลย !

แบบนี้คุณพวกมึง ก็ยังมาเสือกบอกว่า ..

หลวงพ่อต้องรู้อีกหรือ 

โชว์โง่จริงๆ นะท่าน ?



ให้แหกตาดู แหกหูฟัง ชาวโลก
เขาบ้างนะครับท่าน DSI ที่เคารพ
ผมอยากจะบอกให้ดังๆ ให้ทราบ
กันไปทั่วทั้งแผ่นดินว่า..

" หลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านมีเจตนา 
เพียงแค่..

ต้องการให้คนอื่นไปจดทะเบียน

โอนรถเป็นชื่อท่าน ตามเจตนา
ของผู้ถวายเท่านั้น ทั้งปวงก็เพื่อ
ฉลองศรัทธาเจ้าภาพตามวินัยสงฆ์ 
(งงละซิ) เท่านั้น..

ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดๆ นอกจากนี้ทั้งสิ้น "


ส่วนคนที่ไปจดทะเบียนจะไปแจ้ง
ราคารถเท่าไหร่นั้น เรื่องย่อยแบบนี้
ท่านจะไปทราบได้อย่างไรละครับ

โดยเฉพาะท่านเป็นพระสงฆ์
ท่านไม่ได้มีความรู้เรื่องราคารถ
อะไรด้วยหรอก อีกทั้งก็ไม่ได้มี
หน้าที่ประเมินราคารถด้วย !

หากจะใช้มาตรฐาน ในการโอนรถ
โดยทั่วไปละก็ มันต้องแบบนี้ครับคือ..

กรมการขนส่งจะเป็นผู้กำหนด
ราคารถว่า จะควรเป็นราคาที่เท่าใด 
ตามปี และรุ่นของรถ 



เริ่มหายบื้อบ้างหรือยังครับ.!


มา.. มาฟังต่อครับ
กรณีรถโบราณ ของหลวงพ่อ
สมเด็จช่วง ตามที่จดอาจมีราคา
เหลือไม่กี่บาทก็ได้ คงไม่มีใคร
ออกมาอวดโง่ว่าเกิน 5 มาสกนะครับ
เพราะมัน 30 ปีมาแล้ว เหลือราคา
ประเมินราคากลางไม่กี่บาท

ก็ไปตั้งราคากันเองเพราะเอาเศษ
ซากรถมาประกอบ ทำสีใหม่ก็
ซากรถชัดๆ มันจะเป็นรถหรู
ที่ไหนกัน.?

นี่คือความจริง ใครไม่รู้ก็จงรู้ไว้ชะ
จะได้หายโง่สักที ปล่อยให้แก๊งค์ชั่ว
ปั่นหัวอยู่ได้หยุดบ้ากันสักทีเถอะครับ
ผู้มืดบอดทั้งหลายเอ๋ยไม่รู้จะพูดอะไร
แล้วเรื่องนี้



กำหนดเองได้หรือ ? 

กับมาตรฐานรถหรู

หรือรถโบราณ 

ใครเป็นคนกำหนด ?


กรณีคดีรถโบราณนั้นต้องบอกก่อน
ว่า คำว่ารถหรูนั้น DSI ก็มากำหนด
มาตรฐานเอาเองว่า ..

รถที่มีราคาเกิน 4 ล้านบาท
เป็นรถหรู ซึ่งไม่มีมาตรฐานทาง 
กฎหมายมารองรับ !

หาอะไรมารองรับได้ครับเรื่องนี้
ตอบหน่อยช่วยไปหาเอากฎหมาย
มากางให้สังคมดูหน่อยครับ

ในความจริงรถหรูในปัจจุบัน ก็คือ..

รถที่ผลิตออกมาใหม่ 
เป็นรถรุ่นใหม่ในปีปัจจุบัน 
มีสีสันหรูหรา เช่น ปอร์เช่ 
เบนเล่ห์ โรลสลอยด์ ฯ 

แล้วไอ้ซากรถ

หลวงพ่อสมเด็จช่วงนั้น ?

ที่มันรุ่นเมื่อ 30 ปีที่แล้วในตอนนั้น
มันก็แค่ซากรถเก่าแท้ๆ เอาไปขาย
ให้คนทั่วไปก็ไม่มีใครซื้อหรอกครับ
เพราะมีไม่มีอะไหล่มาซ่อมวิ่งไม่ได้
เสียด้วยซ้ำ

รถแบบนี้ มันเป็นรถหรูห่า!! 
อะไรเล่า ? คุณ DSI เอ้ย! 
จะดันทุรังกันไปถึงไหนกัน
พอซะทีเถอะ

จนถึงขนาดนี้แล้ว ยังคิดจะทำกรรม
ทำเวรกัน แบบไม่หยุดไม่หย่อนกัน
ต่อไปอีกหรือ ?

" พวกทุศีล " 

ที่มากล่าวหาหลวงพ่อสมเด็จช่วง
ท่านว่าไป ก็เป็นกระบวนการคนบาป
คนหน้าเดิมที่อิงการเมืองทั้งสิ้น
ซึ่งก็ล้วนมีเจตนาร้าย แค่ไม่ต้องการ
ให้ ท่านเป็น " พระสังฆราช " ก็เท่านั้น!

เพียงแค่หยิบเรื่องเหล่านี้ ขึ้นมาเป็น
ข้ออ้างเฉยๆ เรื่องนี้แมวที่วัดผมมันยัง
รู้ทันเลยครับ คดีนี้ผมว่าน่าจะได้รับ
การจดบันทึกในกินเนสบุ๊คนะครับว่า ..

" มนุษย์ทุศีล ได้ร่วมกันกลั่นแกล้ง
ป้ายคดีแก่สงฆ์ชราอายุเกือบ 100 ปี 
ในประเทศไทย "



เล่นไม่ยาก เจ้าคุณเบอร์ลิน 

และทีมงานจะจัดให้ ?

หากเป็นแบบนี้ เล่นกันแบบนี้ต่อไป
ในอนาคตหากยึดมาตรฐานนี้โดยละทิ้ง
กฎกติกาทั้งหมด

ต่อไป.. ถ้าองค์ใหน?
จะขึ้นตำแหน่งไหน เพียงแค่มีคนร้อง
ก็ต้องอาบัติปาราชิก หรือแปะให้มีคดี
ก็หมดกันเช่นนั้นหรือไง และก็ต้องชวด
ตำแหน่งกันหมดหรือ ?

จะเอางั้นกันหรือครับ?

หากเป็นเช่นนี้ ก็ไม่อยากครับ
ผมจะบอกว่า..

" ไอ้เรื่องเลวนอกตำรานี้ 
เจ้าคุณเบอร์ลินถนัดมาก 
มืออาชีพเสียด้วยครับ "

ดังนั้น ใครที่มาร่วมขบวนการ
แตะมือเล่นแล้วมากล่าวหาใส่ร้าย
ต่อหลวงพ่อสมเด็จช่วง แบบชั่วๆ
สารพัดแบบนี้ ก็จงระวังตัวไว้ดีๆ


เบื้องต้น.. 

ผมก็ขอให้พวกท่าน

ภาวนาให้ดีๆ 


อมหลวงพ่อรอดใส่ปากไว้แล้วก็อย่า
มาด่วนพากันตายเสียก่อนละครับ 
เรื่องสนุกๆ ยังมีเยอะ !

นิมนต์รอรับคดีก่อนนะ

หลวงป้านะ.. 


คงมาตรฐานไว้ 

คือสิ่งสำคัญสุดของ

หน่วยงานรัฐ..


ความจริงแล้วอำนาจ DSI 
หากในภาวะการณ์บ้านเมืองปกติ 
การที่ DSI จะมีอำนาจสอบสวนนั้น
จะต้องเป็นคดีพิเศษ 

อันคดีพิเศษนั้น ก็คือคดีสำคัญ
มีการกระทำผิดเป็นกระบวนการ
มีจำนวนผู้กระทำผิดเป็นจำนวน
ความเสียหายมาก

แต่นี่แค่ซากรถเก่าเพียงคันเดียว
ราคาก็ไม่กี่บาททั้งไม่อยู่ในอำนาจ
ของ DSI ด้วยซ้ำ ?

มันทำไมจึงดันออกมารูปนี้ได้ก็ไม่ทราบ
เพราะแบบนี้แหละ จึงเป็นเหตุให้สังคม
ต่างก็รู้ต่างก็สรุปว่า..


งานนี้อาจมีธง 

ที่ต้องการกลั่นแกล้งท่าน

จึงให้ DSI สอบสวนแบบดันทุรัง.!


หากเจตนาดีจริงเอางี้ไหมละ 
ขอให้กล้าๆ หน่อย ?

ถ้าจะให้ชัดเจน และได้มาตรฐานจริงๆ
ทั้งยังแสดงถึงเจตนาบริสุทธิ์ในการ
ทำหน้าที่ด้วยหากตรวจสอบกันจริงๆ
ก็ทำได้

นั้นคือตามข้อเท็จจริง คือรถที่จด
ทะเบียนต่อกรมการขนส่งทุกคัน 
แจ้งราคาไม่ตรงกับที่ราคาจ่ายจริง
แน่นอน !

ทั้งรถใหม่เอี่ยมจากบริษัทขาย
ทั้งรถที่ขายโอนกันเป็นทอดๆ
ทุกคันแหละครับ และก็มอบอำนาจ
ให้คนอื่นไปจดทะเบียนทั้งนั้น
เจ้าคุณเบอร์ลิน อยู่เมืองนอกมากว่า
ครึ่งชีวิตนี้แหละผมก็ยังรู้เลยแค่เรื่อง
ตื้นๆ แบบนี้

ผมขอท้าก็ได้.. 
ตั้งแต่ท่านนายกรัฐมนตรีบิ๊กตู่ 
รัฐมนตรีไพบูลย์ 
รัฐมนตรีในรัฐบาลทุกคน 
นายตำรวจ นายทหาร 
แม้แต่คนของกรมสอบสวน DSI 
ที่ทำคดีนี้เองนี่แหละ !

จบภาคที่ 1
โปรดติดตามภาคที่ 2 ต่อไปนะครับ !

โชคดีมีชัยทุกท่านครับ
เจ้าคุณเบอร์ลิน
Berlin,den 24.07.2016


บทความแนะนำกรณีธรรมกาย


เพราะความลับไม่มีในอากาศ

สงฆ์มหานิกาย ต้องทนขมขื่นกับความอยุติธรรม แสนอำมหิตอีกนานแค่ไหน? โดย เจ้าคุณเบอร์ลิน สงฆ์มหานิกาย ต้องทนขมขื่นกับความอยุติธรรม แสนอำมหิตอีกนานแค่ไหน? โดย เจ้าคุณเบอร์ลิน Reviewed by สารธรรม on 03:37 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.